[NotebookLM] (คลิปเต็ม) ส่อง! อนาคตบัตรทอง 30 บาท...รักษาทุกที่ (23 ก.ค. 68) | ฟังหูไว้หู
เอาไว้ศึกษาเชิงนโยบายสุขภาพ - เพราะได้ลงภาคสนาม และมีความสงสัยเรื่องนี้ ในเทปมีการพูดถึงเงินนอกงบประมาณ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเงินส่วนไหน และสัดส่วนเยอะน้อยเท่าไหร่
เนื้อหาที่ให้มาคือบทสนทนาจากรายการวิทยุ “ฟังหูไว้หู” ของช่อง 9MCOT โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ คุณชุติมา พึ่งความสุข และอาจารย์วีระ ธีรพัฒน์ ร่วมพูดคุยกับนายแพทย์จะเด็ด ธรรมทัศน์ อารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พวกเขาหารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย การสนทนาครอบคลุมประเด็นเรื่องงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน การจัดสรรเงินทุน และความยั่งยืนของระบบในระยะยาว นอกจากนี้ยังสัมผัสปัญหาและความท้าทายที่ระบบเผชิญอยู่ เช่น การใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ และความพึงพอใจของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่กล่าวถึงคือการอัปเดตนโยบายใหม่ เช่น การใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทอง และความพยายามในการลดภาระโรงพยาบาลโดยให้ร้านยาและคลินิกต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการดูแลผู้ป่วยนอก ท้ายที่สุด ผู้ร่วมรายการยังได้พูดถึงแนวคิดในการรวมระบบประกันสุขภาพของประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลประชาชน
สรุปประเด็นสำคัญ: อนาคตบัตรทอง 30 บาท...รักษาทุกที่
รายการ "ฟังหูไว้หู" ได้พูดคุยกับ นายแพทย์จเด็จ ธรรมทัศน์อารี เลขาธิการ สปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) เพื่อเจาะลึกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับระบบบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ และภาพรวมของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา
1. ภาพรวมระบบบัตรทองและงบประมาณ:
โครงสร้าง: ระบบบัตรทองบริหารงานโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานเลขาฯ ที่ช่วยบริหาร กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนนี้เปรียบเสมือน "เงิน" ที่ใช้ในการรักษาพยาบาล
ที่มาของงบประมาณ: เงินทั้งหมด 100% มาจากภาษีประชาชน ผ่านกระบวนการงบประมาณแผ่นดิน
งบประมาณปีปัจจุบัน: ปีนี้ สปสช. ขอประมาณ 193,849 ล้านบาท และได้รับจัดสรรครบถ้วน ไม่มีการตัดงบประมาณ
การใช้จ่าย: งบประมาณใช้หมดทุกปี และบางปีไม่เพียงพอ ต้องขอเงินงบกลางเพิ่มเติม
การครอบคลุม: บัตรทองครอบคลุมประชากรประมาณ 47 ล้านคน (ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลจากรัฐอื่นๆ เช่น ประกันสังคม, สวัสดิการข้าราชการ) คิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 4,000 ต้นๆ ต่อคนต่อปี ซึ่งน้อยกว่าประกันสังคม (ประมาณ 5,000 บาท) และสวัสดิการข้าราชการ (10,000-20,000 บาท)
การคำนวณงบประมาณ: คำนวณล่วงหน้า 2 ปี โดยพิจารณาจากการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยและค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อโรค ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านยา ค่าอุปกรณ์ และบุคลากร แต่เงินเดือนบุคลากรภาครัฐไม่ได้มาจากงบประมาณส่วนนี้โดยตรง (ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท เป็นงบประมาณที่รัฐบาลจ่ายตรงให้กระทรวงสาธารณสุข)
2. นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ และความท้าทาย:
ความสะดวกในการเข้าถึง: เดิมระบบแนะนำให้ไปหน่วยบริการที่ลงทะเบียนไว้ แต่ด้วยนโยบายใหม่ "30 บาท รักษาทุกที่" ประชาชนสามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ โดยมีป้ายสัญลักษณ์ติดแสดงที่หน่วยบริการ และระบบจะลิงก์ข้อมูลทั้งหมด
การขยายเครือข่าย: เพื่อลดภาระโรงพยาบาล สปสช. สนับสนุนให้ร้านยา, คลินิกพยาบาล, คลินิกหมอ (ที่เปิดตอนเย็น), คลินิกทันตกรรม และแล็บต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยที่ไม่เจ็บป่วยมาก ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลใหญ่
ปัญหาเรื่องใบส่งตัว:สาเหตุ: แต่เดิมใบส่งตัวมีความสำคัญเพื่อยืนยันประวัติการรักษาและเป็นหลักฐานการเบิกเงิน
สถานะปัจจุบัน: ด้วยนโยบายใหม่ สปสช. จะทำหน้าที่เป็น Clearing House โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยต่อไม่จำเป็นต้องรอใบส่งตัวเพื่อเบิกเงิน แต่ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ยังมีปัญหา เนื่องจากคลินิกปฐมภูมิบางแห่งที่รับเงินเหมาไปก่อน รู้สึกว่าต้องรับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วนหากส่งต่อผู้ป่วย
วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของใบส่งตัว: คือการให้ประวัติการรักษาแก่แพทย์ที่รับดูต่อ เพื่อความต่อเนื่องของการรักษา โดยเฉพาะในโรคที่มีความซับซ้อน เช่น มะเร็ง
กรณีที่ไม่ส่งต่อ: หากเป็นโรคที่ต้องผ่าตัดหรือรักษาต่อเนื่อง แต่คลินิกไม่ส่งตัวถือว่าผิด และประชาชนสามารถร้องเรียนได้
ความไม่ยั่งยืนของระบบ (ข้อกังวล):ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น: เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอย่างมาก (บางปี 10-15%) เช่น การใช้ CT/MRI ในการวินิจฉัยโรคเล็กน้อย ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงในระดับโลก (เช่น ในอังกฤษ) ว่าเงินไปตกกับเทคโนโลยีมากเกินไปหรือไม่ แทนที่จะไปตกกับบุคลากรทางการแพทย์
การบริหารจัดการงบประมาณ: รัฐบาลกังวลว่าค่าใช้จ่ายของ สปสช. เติบโตเร็วกว่า GDP (ผลิตภาพของประเทศ)
แนวทางการแก้ปัญหาเพื่อความยั่งยืน:การใช้เงินอย่างชาญฉลาด: โดยเฉพาะในการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือยาใหม่ๆ ควรพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม (เช่น รอให้ยาทั่วไปออกมาก่อนราคาจะลดลง)
จัดสรรเงินให้บุคลากร: เน้นการเพิ่มค่าตอบแทนให้กับบุคลากรทางการแพทย์อย่างสมเหตุสมผล เพื่อให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน เนื่องจาก "ศิลปะของการรักษา" เกินครึ่งอยู่ที่ "ความเป็นมนุษย์" ของแพทย์และพยาบาล
เปลี่ยนค่านิยม: ส่งเสริมให้ประชาชนดูแลตนเองในโรคที่ไม่รุนแรง หรือไปรับบริการในหน่วยบริการใกล้บ้าน (ร้านยา, คลินิก) ก่อน ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ทุกครั้ง
การพูดความจริงเรื่องการรักษาบั้นปลาย: กล้าที่จะสื่อสารกับประชาชนว่าในบางกรณี การรักษาเพื่อยื้อชีวิตในระยะสุดท้ายอาจมีค่าใช้จ่ายสูงมากและไม่เกิดประโยชน์ ควรพิจารณาการดูแลแบบประคับประคอง
3. การลดความเหลื่อมล้ำและอนาคตของระบบประกันสุขภาพ:
- ปัญหาความเหลื่อมล้ำ: มีการถกเถียงเรื่องสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันระหว่างบัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ
- แนวทางแก้ไข: นายแพทย์จเด็จ เห็นด้วยว่าควรมีการ รวมระบบ (consolidate) ทั้ง 3 ระบบเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียว (National Health System)
- รูปแบบการรวมระบบ: ไม่ได้หมายถึงการทำให้ทุกคนได้เท่ากันเป๊ะ แต่จะเป็น "ขนมชั้น" คือมี สิทธิ์พื้นฐาน (basic) ที่ทุกคนต้องได้รับเท่ากัน และผู้ที่ Contribute เพิ่ม (เช่น ประกันสังคม) หรือมีคุณสมบัติพิเศษ (เช่น ข้าราชการเงินเดือนน้อย) อาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ห้องพิเศษ หรือบริการพรีเมียมบางอย่าง
- ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน:ต่างจังหวัด: ประชาชนมีความพึงพอใจต่อระบบบัตรทองสูง
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ยังมีปัญหาและความไม่พึงพอใจมากกว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความคาดหวังสูงและผู้คนมี "เสียง" มากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงว่าชนชั้นกลางเริ่มเข้ามาใช้ระบบ
- ปัญหาของโรงพยาบาลและบุคลากร:การขาดทุนของโรงพยาบาล: บางโรงพยาบาลอาจมีปัญหาขาดทุน แต่ยังไม่เคยมีการปิดโรงพยาบาลของรัฐเนื่องจากการขาดทุนสะสม
- งานหนักและค่าตอบแทนไม่เหมาะสม: บุคลากรทางการแพทย์รู้สึกว่างานหนัก แต่ค่าตอบแทนไม่สมน้ำสมเนื้อ โดยเงินที่เข้าโรงพยาบาลจำนวนมากอาจไม่ได้ถูกจัดสรรไปที่บุคลากรโดยตรง แต่ไปที่การบริหารจัดการหรือเทคโนโลยี
- ปัญหา "หลุมดำ" ของเงินนอกงบประมาณ: โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ ยังเป็นประเด็นที่ต้องมีการตรวจสอบและพูดคุยกันเพิ่มเติม
4. ข้อมูลติดต่อ:
ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์บัตรทองได้ที่สายด่วน สปสช. 1330
สรุปโดยรวม:
ระบบบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้นและลดภาระโรงพยาบาล แต่ก็เผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืนทางการเงิน เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น และความไม่สมดุลของการจัดสรรค่าตอบแทนบุคลากร การแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างถูกจุด โดยเฉพาะการจัดสรรเงินอย่างชาญฉลาดและการให้ความสำคัญกับบุคลากร จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนของระบบในระยะยาว และในอนาคต มีแนวโน้มที่จะมีการรวมระบบประกันสุขภาพของประเทศเข้าเป็นระบบเดียวแต่ยังคงมีสิทธิประโยชน์เสริมสำหรับผู้ที่ contribute เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น
การทบทวนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และประเด็นที่เกี่ยวข้อง
คำถามแบบสั้น (Short-Answer Questions)
ตอบคำถามแต่ละข้อใน 2-3 ประโยค
- บทบาทของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีความแตกต่างกันอย่างไร
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานเลขานุการที่บริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการรักษาพยาบาลบัตรทอง
- กล่าวคือ สปสช. เป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนกองทุนคือแหล่งเงินทุนนั่นเอง
- งบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาจากแหล่งใด และมีจำนวนประมาณเท่าใดในปีที่กำลังขออนุมัติ?
- งบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 100% มาจากภาษีของประชาชน ผ่านกระบวนการงบประมาณประจำปีของรัฐบาล
- ในปีที่กำลังขออนุมัติ งบประมาณอยู่ที่ 193,849 ล้านบาท
- นอกเหนือจากบัตรทองแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศไทยมีกี่ระบบ และมีอะไรบ้าง?
- ระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศไทยมี 4 ระบบหลักๆ
- ได้แก่ บัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ และการจ่ายเงินเอง (ซึ่งสุดท้ายก็ยังคงมีสิทธิ์ในระบบบัตรทองโดยอัตโนมัติหากไม่มีสวัสดิการภาครัฐอื่น)
- อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่องบประมาณของกองทุนฯ?
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากคือ "เทคโนโลยี" ทางการแพทย์
- เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น CT Scan, MRI ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาแม่นยำขึ้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากตามมา
- นโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" ส่งผลต่อการใช้บริการของผู้ป่วยนอกอย่างไร และ สปสช. มีแนวทางแก้ไขปัญหาความแออัดอย่างไร?
- นโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยไปรับบริการที่ไหนก็ได้ ทำให้เกิดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่
- สปสช. จึงมีแนวคิดให้ร้านขายยา คลินิกพยาบาล คลินิกทันตกรรม หรือแล็บ เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยนอกในเบื้องต้น เพื่อลดภาระโรงพยาบาล
- ใบส่งตัวยังคงมีความสำคัญในระบบ "30 บาทรักษาทุกที่" หรือไม่ และในกรณีใดที่ยังจำเป็น?
- ใบส่งตัวยังคงมีความสำคัญเมื่อแพทย์ที่รับการรักษาต่อต้องการทราบประวัติการรักษาของผู้ป่วย โดยเฉพาะในโรคที่มีความซับซ้อน เช่น มะเร็ง
- อย่างไรก็ตาม ใบส่งตัวไม่จำเป็นสำหรับการเบิกจ่ายเงินอีกต่อไป เพราะ สปสช. จะทำหน้าที่เป็น Clearing House จัดการให้
- เหตุใดผู้คนจึงตั้งคำถามว่าระบบบัตรทอง "จะไม่ยั่งยืน"?
- มีการตั้งคำถามว่าระบบบัตรทองจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สูงขึ้นมาก
- นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความไม่พอใจของผู้ให้บริการและประชาชน หากไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงหรือมีการจัดสรรงบประมาณไม่เหมาะสม
- แนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่ยั่งยืนของระบบบัตรทองที่ สปสช. เสนอคืออะไร?
- สปสช. เสนอให้ใช้เงินอย่างชาญฉลาด โดยพิจารณาการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่า
- รวมถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และนำเงินที่เหลือไปเพิ่มค่าตอบแทนให้กับบุคลากรทางการแพทย์อย่างเหมาะสม
- ปัญหาความไม่พอใจต่อระบบหลักประกันสุขภาพในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแตกต่างจากต่างจังหวัดอย่างไร?
- ในต่างจังหวัด ผู้คนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อระบบบัตรทองและรู้สึกว่าไม่เป็นภาระเมื่อเจ็บป่วย
- แต่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังมีความไม่พอใจ เนื่องจากความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่ และข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการที่ต้องการ
- ข้อเสนอแนะในการลดความเหลื่อมล้ำของสิทธิ์การรักษาพยาบาลระหว่างบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการคืออะไร?
- ข้อเสนอแนะคือการรวมระบบทั้งสามเข้าด้วยกัน (consolidate) ให้เป็นระบบเดียว
- โดยอาจมี "ขนมชั้น" คือมีสิทธิ์พื้นฐานที่ทุกคนได้รับเท่าเทียมกัน และมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จ่ายสมทบมากกว่า เช่น ผู้ประกันสังคมหรือข้าราชการ
คำถามในรูปแบบเรียงความ (Essay Questions)
- อธิบายความท้าทายหลักที่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ของประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ทั้งในด้านการเงิน การบริหารจัดการ และความพึงพอใจของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
- วิเคราะห์บทบาทของ "เทคโนโลยีทางการแพทย์" ในการขับเคลื่อนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพให้สูงขึ้น พร้อมเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบบัตรทอง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางการเงิน
- "30 บาทรักษาทุกที่" เป็นนโยบายที่รัฐบาลพยายามขับเคลื่อน แต่ก็มีความท้าทายในการปฏิบัติงาน อภิปรายข้อดีและข้อเสียของนโยบายนี้ พร้อมเสนอแนวทางในการลดช่องว่างระหว่างนโยบายกับการปฏิบัติ
- เปรียบเทียบและวิเคราะห์ความแตกต่างของ "ความพึงพอใจ" ต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในเขตเมืองหลวง (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) กับในต่างจังหวัด ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี้ และมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
- แนวคิดในการรวมระบบสวัสดิการสุขภาพภาครัฐ (บัตรทอง, ประกันสังคม, สวัสดิการข้าราชการ) เข้าเป็นระบบเดียวมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และจะสามารถดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมและประสิทธิภาพได้อย่างไรในบริบทของประเทศไทย
- อภิธานศัพท์ (Glossary of Key Terms)
- บัตรทอง (Universal Health Coverage - UHC / Gold Card): ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่จัดสรรโดยรัฐบาลไทย เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย (เดิม 30 บาท)
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) (National Health Security Office - NHSO): หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกำกับดูแลระบบบัตรทอง
- กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (National Health Security Fund): แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย โดยเงินทุนทั้งหมดมาจากภาษีของประชาชนที่จัดสรรผ่านงบประมาณแผ่นดิน
- 30 บาทรักษาทุกที่: นโยบายใหม่ที่ขยายขอบเขตการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ภายใต้ระบบบัตรทอง ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลใดก็ได้ที่เข้าร่วมโครงการ โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวในกรณีที่ไม่รุนแรง
- ผู้ป่วยนอก (Outpatient): ผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษาในสถานพยาบาล แต่ไม่จำเป็นต้องนอนพักค้างคืนในโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยใน (Inpatient): ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาและนอนพักค้างคืนในโรงพยาบาล
- ใบส่งตัว (Referral Letter): เอกสารที่แพทย์ใช้ส่งต่อผู้ป่วยจากสถานพยาบาลหนึ่งไปยังอีกสถานพยาบาลหนึ่ง มักใช้เพื่อขอประวัติการรักษาหรือส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง
- Clearing House: ระบบหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องการเบิกจ่ายเงินระหว่างสถานพยาบาลต่างๆ กับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้สถานพยาบาลที่รับการรักษาได้รับเงินค่าบริการโดยตรงจาก สปสช. โดยไม่ต้องผ่านการเบิกจ่ายจากหน่วยบริการต้นทาง
- เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Technology): อุปกรณ์ เครื่องมือ ยา หรือกระบวนการใหม่ๆ ที่ใช้ในการวินิจฉัย รักษา หรือป้องกันโรค ซึ่งมักมีค่าใช้จ่ายสูงและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้งบประมาณด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น
- ประกันสังคม (Social Security): ระบบสวัสดิการที่จัดให้แก่ผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างในระบบเอกชน ซึ่งมีการสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อใช้เป็นสวัสดิการด้านต่างๆ รวมถึงการรักษาพยาบาล
- สวัสดิการข้าราชการ (Civil Servant Medical Benefit Scheme): ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลที่จัดให้แก่ข้าราชการและครอบครัว โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล
- consolidate (การรวมระบบ): แนวคิดในการบูรณาการหรือรวมระบบสวัสดิการสุขภาพหลายระบบเข้าไว้ด้วยกันเป็นระบบเดียว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
- GDP (Gross Domestic Product): ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่แสดงถึงมูลค่ารวมของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง
- NCD (Non-Communicable Diseases): กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งมักต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) (Sub-district Health Promoting Hospital): สถานพยาบาลขนาดเล็กในระดับชุมชน ทำหน้าที่ให้บริการสุขภาพเบื้องต้นและส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่
- The Economist: นิตยสารข่าวและบทความวิเคราะห์สถานการณ์โลก การเมือง และเศรษฐกิจ ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
- TDI: อาจหมายถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (Thailand Development Research Institute) หรือหน่วยงานวิจัยอื่นที่มีชื่อย่อคล้ายกัน ซึ่งมักทำการศึกษาเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและสังคม
Comments
Post a Comment