Note: MUSEF-Change Agent #1

Ref: https://www.facebook.com/share/p/1HFLLGNKFX/

Original YouTube: https://www.youtube.com/watch?v=hT0ImxVchjE




ต้อง split record เพราะ Maximum ของ NotebookLM ให้อัพโหลดแต่ละไฟล์ 20 MB
แหล่งข้อมูลทั้งสองนี้ให้ภาพรวมของการประชุม MU Social Engagement Forum ปี 2021 ซึ่งเน้นย้ำถึง แนวคิดใหม่ของ University Social Engagement โดยเปลี่ยนจากการบริการทางวิชาการแบบเดิมไปสู่ พันธสัญญาและความร่วมมือระยะยาวกับภาคี เพื่อพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น มหาวิทยาลัยมหิดล มี ยุทธศาสตร์สี่ด้าน และกำลังเปิดตัว โครงการ "Mahidol Change Agent" เพื่อส่งเสริมบุคลากรให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะและเป้าหมาย SDGs โครงการนี้จะคัดเลือกบุคลากร 50 คนเพื่อเข้าร่วม เวิร์คช็อป 3 วัน และแข่งขันเพื่อรับทุนสนับสนุนโครงการที่สร้าง ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม โดยเน้นที่ Holistic Wellbeing และการนำความรู้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติอย่างแท้จริง


ภาพรวม

คู่มือการศึกษานี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยทบทวนและทำความเข้าใจเนื้อหาที่นำเสนอจาก "MUSEF-1.mp3" และ "MUSEF-2.mp3" ซึ่งครอบคลุมวิวัฒนาการของ University Social Engagement ของมหาวิทยาลัยมหิดล กลยุทธ์ปัจจุบัน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) บทบาทของ Change Agent และรายละเอียดของโครงการ Mahidol Change Agent รวมถึงการสนับสนุนทุนและเวิร์กช็อป

1. วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหิดล

  • วิวัฒนาการของ University Social Engagement:แนวคิดดั้งเดิม: กิจกรรมบริการวิชาการ หรืองานอาสา (เช่น สร้างโรงเรียน สร้างห้องสมุด)
  • แนวคิดใหม่ (โดยท่านนายกสภามหาวิทยาลัย ปิยสกล สกลสัจยาธร): "พันธสัญญา" (engagement) กับภาคีหุ้นส่วนในลักษณะ "หุ้นส่วนระยะยาว" เพื่อพัฒนากลุ่มชุมชนและสังคมให้ดีขึ้น
  • ยุทธศาสตร์ปัจจุบัน (พ.ศ. 2567-2570):4 ยุทธศาสตร์หลัก: วิจัย, การศึกษา, Policy Advocacy Leaders in Professional Academic Services and Excellence in Capacity Building for Sustainable Development Goals, และ Management
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3: มีเป้าประสงค์สำคัญคือ "ผลักดันเรื่อง SDGs" และ "พัฒนาสนับสนุน Change Maker/Change Agent" เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดีขึ้น
  • คีย์เวิร์ดเพิ่มเติม (โดยท่านอธิการบดี ปิยมิตร ศรีธรา):Real World Impact: การทำพันธกิจของมหาวิทยาลัยให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในโลกแห่งความเป็นจริง โดยเฉพาะกับชุมชนและสังคมไทย
  • Holistic Wellbeing: สุขภาวะที่ดีของประชาชนตลอดทุกช่วงชีวิต (Start well, Be well, Stay well, Age well, Die well) เป็นการบูรณาการศาสตร์และศิลป์ทุกสาขาวิชา

2. Sustainable Development Goals (SDGs) และ Policy Advocacy Ecosystem

  • SDGs 17 เป้าหมายใน 5 มิติ: People, Prosperity, Planet, Peace, Partnerships
  • การพัฒนาแบบองค์รวม: ต้องมองให้ครบ 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งมิติใดมิติหนึ่ง
  • Goal 17: Partnerships for the Goals: ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
  • Policy Advocacy Ecosystem (แผนยุทธศาสตร์ฉบับก่อน): เน้นการสร้างระบบนิเวศเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย ประกอบด้วย 4 ด้าน:
    • Platform: พื้นที่ให้บุคลากรได้มีส่วนร่วม
    • Funding: การสนับสนุนทุน
    • Human Development: การพัฒนาบุคลากร (Change Agent)
    • Rules & Regulations: กฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

3. งานวิชาการรับใช้สังคม: จากปัญหาสู่การวิจัย

  • แนวคิดของ ศ.ดร. ปิยวัฒน์ บุญหลง (อดีต ผอ. สกว.):งานวิชาการแบบเดิม: เริ่มจาก Basic Research -> Applied -> Translation -> Product (ใช้เวลานาน)
  • งานวิชาการรับใช้สังคม (มองย้อนกลับ): เริ่มจาก "โจทย์ปัญหาในพื้นที่/ชุมชน" -> แก้ปัญหา (ประชาชนได้ประโยชน์ทันที) -> Back กลับมาเป็น Applied Research/Basic Research (นักวิชาการได้ผลงานวิชาการ สังคมได้ประโยชน์เร็วขึ้น)
ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติม AI สรุปมาให้พร้อมลิงค์


4. ตัวอย่างโครงการนำร่องและ Change Agents

  • โครงการสนับสนุนงานวิจัยเชิงนโยบาย: ให้ทุนโครงการละ 1 ล้านบาท ปีละ 5 โครงการ (ปี 2563-2567) เพื่อนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย
  • 4 โครงการตัวอย่างและ Change Agents:โครงการเพื่อนบ้านต่างศาสนา (ตอบ SDG 16: Peace): โดย ผศ.ดร. พระธีรา อุไรรัตน์ (สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา)
    • เป้าหมาย: สร้างสังคมสุขภาวะ, การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและเป็นธรรม โดยการพูดคุยกับผู้นำศาสนาใน 3-4 จังหวัดชายแดนใต้
    • ผลลัพธ์: ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย "โมเดลเพื่อนบ้านต่างศาสนา"
  • นโยบายลดเค็ม (ตอบ SDG 3: Good Health and Wellbeing): โดย รศ.นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ
    • เป้าหมาย: สร้างความตระหนัก (awareness) และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเค็ม
    • กิจกรรม: SME workshop, ประกวดเมนูติดดาว, Video Competition, Low Sodium Hackathon, ขยายผลในส่วนงานต่างๆ, เครือข่ายพันธมิตร
  • Shine Rise and Shine Protection (สิทธิเด็ก) (ตอบ SDG 3: Good Health and Wellbeing): โดย รศ.นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
    • เป้าหมาย: การคุ้มครองเด็ก, รณรงค์เรื่องของเล่นไม่ปลอดภัย, การจมน้ำของเด็ก, Car Seat (การละเมิดสิทธิเด็กถ้าไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม)
  • การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงเพชร (Conflict Management) (ตอบ SDG 6: Clean Water and Sanitation / SDG 15: Life on Land): โดย ดร. นพล ทองศรี (วิทยาเขตนครสวรรค์)
    • เป้าหมาย: แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำ (เกษตรกร, ประมง, ท่องเที่ยว, ภาครัฐ, นักวิจัย) ผ่านการมีส่วนร่วมและการแบ่งปันข้อมูลเพื่อหาข้อตกลงที่สมดุล

5. ระดับผลกระทบ (World Impact) และการสร้าง Change Agent

  • 4 ระดับของการสร้าง World Impact:Problem Solving: การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (บุคลากรใช้ความรู้แก้ปัญหาในพื้นที่)
  • Awareness Building: การสร้างความตระหนักรู้ (เช่น PM 2.5, ลดเค็ม)
  • Behavioral Change: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (เช่น พฤติกรรมการบริโภคเค็ม)
  • Policy Advocacy: การผลักดันเชิงนโยบาย (ต้องใช้ภาคี ความร่วมมือ การบริหารจัดการภาครัฐ การเมือง)
  • การสร้าง Change Agent: บุคลากรที่ขับเคลื่อนภารกิจที่ 3 ของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมและสนับสนุน

6. โครงการ Mahidol Change Agent Program

  • วัตถุประสงค์:สนับสนุนยุทธศาสตร์ที่ 3: งานวิจัย/วิชาการสู่สาธารณะที่เป็นรูปธรรม
  • สนับสนุนแนวคิด SDGs
  • สร้าง "ผู้นำการเปลี่ยนแปลง" (Change Agent)

  • นิยาม Mahidol Change Agent: ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ชุมชน หรือสังคม เป็นผู้นำแนวคิดสู่การเปลี่ยนแปลงจนเกิดผลลัพธ์ที่ทำให้สังคมดีขึ้นในมิติต่างๆ
      • คุณสมบัติผู้สมัคร:บุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดลทุกคน (อาจารย์, นักวิจัย, บุคลากรสายสนับสนุนที่มีภาระงานเกี่ยวข้องกับบริการวิชาการหรือ SDGs)
      • "อยากจะเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น" (มี Passion)
      • ได้รับอนุญาต/รับรอง (Endorsement) จากหัวหน้าส่วนงาน
      • กระบวนการคัดเลือก:ประวัติทั่วไป
      • ประสบการณ์/ผลงานที่เคยทำเกี่ยวกับงานรับใช้สังคม (ระบุในใบสมัคร)
      • เหตุผลที่สมัคร
      • Essays (ไฮไลท์): "ถ้าท่านได้เงินทุน 100,000 บาท ท่านจะทำอะไรเพื่อให้สังคมไทยดีขึ้น" (ไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ)
      • Timeline:ประกาศโครงการ: วันนี้
      • เปิดรับสมัคร: เมษายน (ตลอดทั้งเดือน)
      • คัดเลือก: หลังปิดรับสมัคร
      • ประกาศผล 50 ที่นั่ง: ประมาณพฤษภาคม
      • ยืนยันสิทธิ์: 10 วัน
      • Workshop 3 วันสำคัญ: 28-30 มิถุนายน (ผู้สมัครต้องว่าง)
      • พัฒนาโครงการ (Project for Change): กรกฎาคม – 13 สิงหาคม
      • Pitching Day: 14 สิงหาคม
      • ประกาศผลสุดท้าย (ผู้ได้รับทุน): กันยายน
      • ดำเนินโครงการ: 1 ตุลาคม 2568 – 30 กันยายน 2569 (1 ปีงบประมาณ)
      • การสนับสนุน:ทุนสนับสนุนโครงการ: 100,000 บาท/โครงการ (ประมาณ 10 ทุน)
  • กิจกรรม Workshop (28-30 มิ.ย.):
      • วันแรก: พิธีเปิด (นายกสภา), บรรยายพิเศษ (อธิการบดี: Mahidol ผู้นำการเปลี่ยนแปลงฯ, ดร. สมเกียรติ อ้างกิจวณิช: Public Policy), Impact Measurement and Management, ดนตรีบำบัด
      • วันที่สอง: Social Science Research for SDGs, Participatory Action Research, นโยบายด้านประชากร, Social Enterprise, Dinner Talk (กับ 4 Change Agents ตัวอย่าง)
      • วันที่สาม: Mini Hackathon (Project for Change – ฟอร์มทีม, สร้างไอเดีย)
      • มี Coach/Mentor ตลอดโครงการ

7. ขอบเขตของโครงการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

  • ระดับการทำงาน (ยุทธศาสตร์ที่ 3): Area base (6 วิทยาเขต+ภาคใต้), Issue base (Health, Clean, Food, Waste, DEI โดยใช้ SDG 17 goals เป็นแนวทาง), Policy base (Holistic Wellbeing)
  • ทุนที่เกี่ยวข้อง: Policy Lab (15 ล้าน/2 ทุน), Social Engagement Funding (5 แสน/6 ทุน), Living Lab (ให้ 15 ส่วนงาน)
  • กิจกรรมอื่นๆ: MU Design School, SDG Living Lab, Impact Challenge, รางวัลวิทยานิพนธ์, Policy Lab, Sustainability Mindset Development, Capacity Building (โครงการนี้)
  • ปรัชญา: "True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind." (สมเด็จพระบรมราชชนก)
  • ผลลัพธ์ของโครงการ Mahidol Change Agent: เพิ่ม Change Agent 50 คน, พัฒนาทักษะการ Implement งานสู่ชุมชน, ชุมชนได้รับประโยชน์, มหาวิทยาลัยได้ประโยชน์

แบบทดสอบความเข้าใจ (10 คำถามสั้นๆ)

คำสั่ง: ตอบคำถามแต่ละข้อใน 2-3 ประโยค

  1. มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความหมายของคำว่า University Social Engagement ในรูปแบบใหม่ว่าอย่างไร และแตกต่างจากเดิมอย่างไร?
  2. ในยุทธศาสตร์ปัจจุบัน (พ.ศ. 2567-2570) ยุทธศาสตร์ที่ 3 ของมหาวิทยาลัยมหิดลมีเป้าประสงค์สำคัญเกี่ยวกับ SDGs และ Change Maker/Change Agent อย่างไร?
  3. อธิบายแนวคิด "งานวิชาการรับใช้สังคม" ตามที่ศาสตราจารย์ ดร. ปิยวัฒน์ บุญหลง กล่าวไว้ ว่าแตกต่างจากงานวิชาการแบบเดิมอย่างไร?
  4. จงยกตัวอย่างโครงการที่เกี่ยวข้องกับ "สันติภาพ" ที่นำเสนอ และระบุว่าโครงการนั้นตอบสนอง SDG เป้าหมายใด
  5. โครงการ "นโยบายลดเค็ม" โดย รศ.นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ มีเป้าหมายหลักในการสร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างไร และมีกิจกรรมใดบ้าง?
  6. คีย์เวิร์ดสำคัญสองคำที่ท่านอธิการบดี ปิยมิตร ศรีธรา เพิ่มเข้ามาในทิศทางของมหาวิทยาลัยคืออะไร และมีความหมายว่าอย่างไร?
  7. อธิบาย 4 ระดับของการสร้าง World Impact ที่กล่าวถึงในเนื้อหา พร้อมยกตัวอย่างสั้นๆ สำหรับแต่ละระดับ
  8. คุณสมบัติสำคัญของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ Mahidol Change Agent Program คืออะไรบ้าง?
  9. ส่วนที่เป็น "ไฮไลท์" และมีความสำคัญที่สุดในการคัดเลือกผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ Mahidol Change Agent คืออะไร?
  10. ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการดำเนินโครงการ Mahidol Change Agent Program คืออะไรบ้าง?

เฉลยแบบทดสอบ

  1. มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความหมายใหม่ว่าเป็นการทำในรูปแบบ "พันธสัญญา" กับภาคีหุ้นส่วนในลักษณะ "หุ้นส่วนระยะยาว" เพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่เป็นเพียงกิจกรรมบริการวิชาการหรืองานอาสาทั่วไป.
  2. ยุทธศาสตร์ที่ 3 มีเป้าประสงค์สำคัญคือ "ผลักดันเรื่อง SDGs" และ "พัฒนาสนับสนุน Change Maker หรือ Change Agent" เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม.
  3. งานวิชาการรับใช้สังคมเริ่มจาก "โจทย์ปัญหาในพื้นที่หรือชุมชน" เพื่อแก้ปัญหาโดยตรงให้ประชาชนได้ประโยชน์ทันที แล้วค่อยย้อนกลับมาทำการวิจัย ซึ่งต่างจากงานวิชาการแบบเดิมที่เริ่มจาก Basic Research และใช้เวลานานกว่าจะได้ประโยชน์จริง.
  4. โครงการ "เพื่อนบ้านต่างศาสนา" โดย ผศ.ดร. พระธีรา อุไรรัตน์ เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพ ซึ่งตอบสนอง SDG เป้าหมายที่ 16: Peace, Justice, and Strong Institutions (สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง).
  5. โครงการนโยบายลดเค็มมีเป้าหมายหลักในการสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเค็มของประชาชน โดยมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น SME workshop, ประกวดเมนูติดดาว, Video Competition และ Low Sodium Hackathon.
  6. คีย์เวิร์ดสำคัญสองคำคือ "Real World Impact" ซึ่งหมายถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกในโลกแห่งความเป็นจริง และ "Holistic Wellbeing" ซึ่งหมายถึงสุขภาวะที่ดีของประชาชนตลอดทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต.
  7. 4 ระดับของ World Impact ได้แก่ 1) Problem Solving (เช่น การแก้ปัญหาน้ำท่วม), 2) Awareness Building (เช่น การรณรงค์เรื่อง PM 2.5), 3) Behavioral Change (เช่น การลดพฤติกรรมการบริโภคเค็ม), และ 4) Policy Advocacy (เช่น การผลักดันกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อม).
  8. คุณสมบัติสำคัญคือ เป็นบุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดลทุกคน (อาจารย์ นักวิจัย หรือสายสนับสนุนที่มีภาระงานเกี่ยวข้อง), มีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น, และต้องได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าส่วนงาน.
  9. ส่วนที่เป็น "ไฮไลท์" และมีความสำคัญที่สุดในการคัดเลือกผู้สมัครคือ "บทความ (Essays)" ที่ผู้สมัครต้องเขียนว่า "ถ้าท่านได้เงินทุน 100,000 บาท ท่านจะทำอะไรเพื่อให้สังคมไทยดีขึ้น" ซึ่งต้องไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ.
  10. ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือ มี Change Agent เพิ่มขึ้น 50 คน, พัฒนาทักษะของบุคลากรในการ implement งานสู่ชุมชน, สร้างประโยชน์ให้ชุมชนและสังคม, และมหาวิทยาลัยได้ประโยชน์จากงานวิชาการรับใช้สังคม.

คำถามรูปแบบเรียงความ (ไม่ตอบ)

  1. อธิบายวิวัฒนาการของแนวคิด University Social Engagement ของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยเปรียบเทียบแนวคิดดั้งเดิมกับแนวคิดใหม่ที่นำเสนอ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
  2. วิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ที่ 3 ของมหาวิทยาลัยมหิดล "Policy Advocacy Leaders in Professional Academic Services and Excellence in Capacity Building for Sustainable Development Goals" กับแนวคิด "Real World Impact" และ "Holistic Wellbeing" ของท่านอธิการบดี
  3. เปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของ "งานวิชาการแบบเดิม" กับ "งานวิชาการรับใช้สังคม" ตามแนวคิดของ ศ.ดร. ปิยวัฒน์ บุญหลง พร้อมอธิบายว่าเหตุใดมหาวิทยาลัยมหิดลจึงเน้นแนวทางหลังนี้มากขึ้น
  4. ยกตัวอย่าง Change Agent อย่างน้อย 3 ท่านที่นำเสนอในเนื้อหา พร้อมอธิบายว่าแต่ละท่านมีบทบาทอย่างไรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและตอบสนองต่อ SDGs เป้าหมายใด
  5. ในฐานะผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ Mahidol Change Agent Program ท่านจะใช้โอกาสนี้ในการสร้าง "World Impact" ในระดับใด และจะเชื่อมโยงกับ "Holistic Wellbeing" ของประชาชนได้อย่างไร? จงยกตัวอย่างแนวคิดโครงการของท่านที่สอดคล้องกับคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ของโครงการ

อภิธานศัพท์

  • University Social Engagement: การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยกับสังคม โดยใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาชุมชน
  • พันธสัญญา (Engagement): ความผูกพันระยะยาวและความร่วมมือกับภาคีหุ้นส่วนเพื่อเป้าหมายร่วมกัน
  • ภาคีหุ้นส่วน (Partnerships): หน่วยงาน องค์กร ชุมชน หรือบุคคลภายนอกที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 (Mahidol Strategy 3): ยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหิดลที่มุ่งเน้นการเป็นผู้นำด้านนโยบาย การบริการวิชาการระดับมืออาชีพ และการเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • SDGs (Sustainable Development Goals): เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
  • Change Maker/Change Agent: ผู้นำการเปลี่ยนแปลงหรือตัวแทนการเปลี่ยนแปลง บุคคลหรือกลุ่มคนที่ริเริ่มและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในองค์กร ชุมชน หรือสังคม
  • Policy Advocacy Ecosystem: ระบบนิเวศของการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน เช่น Platform, Funding, Human Development และ Rules & Regulations
  • งานวิชาการรับใช้สังคม (Academic Social Service): การนำความรู้ทางวิชาการและการวิจัยไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคมโดยตรง โดยเริ่มจากโจทย์ปัญหาในพื้นที่
  • Basic Research: การวิจัยพื้นฐานที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการหรือปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์โดยไม่มีเป้าหมายการประยุกต์ใช้เฉพาะเจาะจงในเบื้องต้น
  • Applied Research: การวิจัยประยุกต์ที่มุ่งนำความรู้พื้นฐานมาใช้แก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์/กระบวนการ
  • Translation (Research): การวิจัยเชิงการถ่ายทอดความรู้ คือการนำผลการวิจัยจากห้องปฏิบัติการไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในทางปฏิบัติจริง
  • World Impact: ผลกระทบในระดับโลกหรือผลกระทบที่กว้างขวางต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับสากล
  • Problem Solving: การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในสังคมหรือชุมชน
  • Awareness Building: การสร้างความตระหนักรู้ หรือการให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้คนเข้าใจถึงปัญหาและผลกระทบ
  • Behavioral Change: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลหรือกลุ่มคนไปในทิศทางที่พึงประสงค์
  • Policy Advocacy: การผลักดันหรือการรณรงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนโยบายสาธารณะ กฎหมาย หรือข้อบังคับ
  • Real World Impact: ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงในสถานการณ์และบริบทของสังคม ชุมชน หรือโลกแห่งความเป็นจริง
  • Holistic Wellbeing: สุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม ครอบคลุมทุกมิติของชีวิต ทั้งทางกาย จิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต (Start well, Be well, Stay well, Age well, Die well)
  • Endorsement: การรับรองหรือการอนุมัติจากหัวหน้าส่วนงานหรือผู้มีอำนาจ
  • Workshop: กิจกรรมเชิงปฏิบัติการที่เน้นการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะผ่านการลงมือทำกลุ่ม
  • Pitching Day: วันที่ผู้เข้าร่วมโครงการนำเสนอแนวคิดหรือโครงการของตนต่อคณะกรรมการเพื่อขอรับการสนับสนุน
  • Project for Change: โครงการที่ผู้เข้าร่วมนำเสนอและพัฒนาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม
  • Mini Hackathon: กิจกรรมระดมสมองแบบเข้มข้นในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อสร้างสรรค์แนวคิดหรือต้นแบบโครงการ
  • Area-based: การดำเนินงานที่มุ่งเน้นในพื้นที่หรือภูมิภาคเฉพาะ
  • Issue-based: การดำเนินงานที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาหรือประเด็นเฉพาะ (เช่น สุขภาพ, ความสะอาด, อาหาร, ขยะ, DEI)
  • Policy-based: การดำเนินงานที่มุ่งเน้นการผลักดันหรือการสร้างนโยบาย
  • DEI (Diversity, Equity, Inclusion): ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก
  • Living Lab: พื้นที่หรือสภาพแวดล้อมจริงที่ใช้ในการทดลอง วิจัย และพัฒนานวัตกรรมร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • Capacity Building: การเสริมสร้างขีดความสามารถหรือศักยภาพของบุคคลหรือองค์กร
  • Content Creator: ผู้สร้างเนื้อหาต่างๆ เช่น วิดีโอ บทความ หรือสื่อโซเชียลมีเดีย
  • Coach/Mentor: ผู้ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการพัฒนาทักษะหรือดำเนินโครงการ

Using NotebookLM to extract the main information.

1. วิวัฒนาการของ University Social Engagement: จากบริการสู่วิสัยทัศน์เชิงนโยบาย

การประชุม MUSEF 2021 โดยนายกสภามหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยสกล สกลสัจยาธร ได้ให้ความหมายใหม่ของ University Social Engagement โดยเปลี่ยนจากการเป็นเพียง "กิจกรรมบริการวิชาการหรืองานอาสา" เช่น ออกค่ายสร้างโรงเรียน/ห้องสมุด ไปสู่การเป็น "พันธสัญญา" หรือ "หุ้นส่วนระยะยาวกับภาคีหุ้นส่วนของเรา" ไม่ว่าจะเป็นชุมชนหรือสังคม เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างยั่งยืนในการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น

คำกล่าวสำคัญ: "แต่เดิมเนี่ย เวลามหาวิทยาลัยทำกิจกรรมเนี้ย ก็จะเป็นในรูปแบบของกิจกรรมบริการวิชาการ หรืองานอาสาต่างๆ... แต่ว่าในยุคต่อไปนะครับ งานมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมเนี่ย คงจะต้องทำในรูปแบบที่เป็นพันธสัญญา...กับภาคีหุ้นส่วนของเรานะครับ ในลักษณะที่เป็นหุ้นส่วนระยะยาว"

2. ยุทธศาสตร์มหิดลฉบับปัจจุบัน (2567-2570) และการขับเคลื่อน SDGs

มหาวิทยาลัยมหิดลมี 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ วิจัย การศึกษา นโยบายผู้นำด้านบริการวิชาการและเป็นเลิศในการสร้างขีดความสามารถเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการบริหารจัดการ

ยุทธศาสตร์ที่ 3 มีเป้าประสงค์สำคัญคือ "ผลักดันเรื่องของ SDGs" และ "พัฒนา สนับสนุน Change Maker หรือ Change Agent เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดีขึ้น"

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 ข้อ ครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ พัฒนาคม (People), เศรษฐกิจ (Prosperity), สิ่งแวดล้อม (Planet), สันติภาพ (Peace) และ หุ้นส่วนความร่วมมือ (Partnerships) ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการร่วมมือจากทุกภาคส่วน

คำกล่าวสำคัญ: "ยุทธศาสตร์ที่ 3...มีเป้าประสงค์ที่สำคัญ...คือผลักดันเรื่องของ SDGs...และกลยุทธ์ข้อ 2 ในการพัฒนา สนับสนุน Change Maker หรือ Change Agent เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ดีขึ้น" และ "Gold ที่ 17 ก็คือ Partnership for the all for the goals...ความร่วมมือของทุกภาคส่วน"

3. แนวคิด "งานวิชาการรับใช้สังคม" และ Policy Advocacy Ecosystem

ศาสตราจารย์ ดร. ปิยววัฒน์ บุญหลง อดีต ผอ. สกว. เสนอแนวคิด "งานวิชาการรับใช้สังคม" โดยชวนนักวิชาการให้มองย้อนกลับ เริ่มจาก "โจทย์ปัญหาในพื้นที่หรือในชุมชน นำมาสู่การแก้ปัญหา" เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะย้อนกลับมาเป็นการวิจัยประยุกต์หรือพื้นฐาน ซึ่งท้ายที่สุดนักวิชาการก็ยังคงได้ผลงานทางวิชาการเช่นกัน แต่สังคมได้รับประโยชน์เร็วกว่า

Policy Advocacy Ecosystem ที่มหาวิทยาลัยดำเนินการมา 5 ปีที่แล้ว ประกอบด้วย 4 ด้าน:

  • Platform: แพลตฟอร์มให้นักวิชาการเข้ามามีส่วนร่วม
  • Funding: แหล่งทุนสนับสนุน
  • People Development: พัฒนาบุคลากร
  • Rules & Regulations: กฎระเบียบและข้อบังคับ

มหาวิทยาลัยได้ขับเคลื่อนนโยบายชี้สังคมด้วยโครงการที่ให้ทุนปีละ 5 ทุน ทุนละ 1 ล้านบาท (ปี 2563-2567) เพื่อให้อาจารย์นำงานวิจัยไปใช้แก้ปัญหาจริงและเกิดประโยชน์เชิงนโยบาย

คำกล่าวสำคัญ: "ท่านชวนมาทำงานวิชาการรับใช้สังคม คือมองย้อนกลับเรื่องจากโจทย์ปัญหาในพื้นที่หรือในชุมชน นำมาสู่การแก้ปัญหาตรงเนี้ย ประชาชนได้ประโยชน์เลย"

4. กรณีศึกษาโครงการนำร่องที่สร้าง Change Agents

มีการยกตัวอย่าง 4 โครงการที่สะท้อนการทำงานของ Change Agents:

  • โครงการเพื่อนต่างศาสนา (SDG 16): โดย ผศ. ดร. พระธีรา อุไรรัตน์ จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา
    • เน้นการสร้างสังคมสุขภาวะ โดยชวนผู้นำศาสนาใน 4 จังหวัดชายแดนใต้มาพูดคุยเรื่องสุขภาวะและแก้ไขปัญหาเชิงสันติภาพ
    • ได้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย "โมเดลเพื่อหน้าต่างศาสนา" และส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
    • คำกล่าวสำคัญ: "ภาคีสังคมสุขภาวะ จะเป็นกุญแจสร้างประเทศและสร้างโลก เพื่อให้ทุกพื้นที่เป็นแผ่นดินสาุข การอยู่รวมกันอย่างเป็นธรรมในทุกมิติ"
  • โครงการนโยบายลดเค็ม (Low Sodium Policy): โดย รศ. นพ. สุรศักดิ์ กันตชูเวชศิริ
    • สร้างเครือข่ายลดเค็ม สร้างความตระหนักรู้ (awareness) และใช้เครื่องมือหลากหลาย เช่น Smart Meals, การเสนอมาตรการภาษีอาหารเค็มน้อย (ลดภาษีสำหรับอาหารที่ไม่เค็มเกินเกณฑ์)
    • มีการจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัยมหิดล เช่น ประกวดเมนูติดดาว, วิดีโอ Competition, Low Sodium Bootcamp, Low Sodium Hackathon (ร่วมกับ True Digital Park) และขยายผลสู่แคมเปญในส่วนงานต่างๆ รวมถึงพันธมิตร (สสส., กรมควบคุมโรค)
  • โครงการ Shine Rise and Shine Protection (สิทธิเด็ก): โดย รศ. นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
    • รณรงค์เรื่องความปลอดภัยของเล่นเด็ก, เด็กจมน้ำ
    • เน้นว่า "การที่เด็กไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก"
    • ขับเคลื่อนเรื่อง Car Seat เพื่อคุ้มครองชีวิตเด็ก
  • โครงการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงเพชร (การจัดการความขัดแย้งเรื่องน้ำ): โดย ดร. นพล จากวิทยาเขตนครสวรรค์ (ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาบริการ)
    • ใช้ Conflict Management เพื่อประสานประโยชน์ของกลุ่มต่างๆ (เกษตรกร, ประมง, ท่องเที่ยว, ภาครัฐ, นักวิจัย)
    • แก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม เข้าใจสภาพปัญหาของแต่ละฝ่าย และนำไปสู่ข้อตกลงที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ

5. ระดับของการสร้าง World Impact และทิศทางใหม่ของมหาวิทยาลัย

การสร้าง World Impact แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน:

  1. Problem Solving: การแก้ไขปัญหาโดยตรง (ง่ายที่สุด)
  2. Awareness Building: การยกระดับความตระหนักรู้ เช่น เรื่อง PM 2.5, ลดเค็ม
  3. Behavioral Change: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น พฤติกรรมการบริโภคเค็ม
  4. Policy Advocacy: การชี้เป็นเชิงนโยบาย เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย (ต้องใช้ภาคีและบูรณาการหลายส่วน)

คำกล่าวสำคัญ: "True success is not in the learning but in its application to the benefit of mankind" (สมเด็จพระบรมราชนก) – ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้ แต่อยู่ที่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ

ทิศทางของมหาวิทยาลัยภายใต้นโยบายอธิการบดีคนปัจจุบัน (นายแพทย์ปิยมิตร ศรีธรา): ยังคง 4 ยุทธศาสตร์เดิม แต่เพิ่ม 2 Key Words คือ

  • Real World Impact: สร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมและชุมชน
  • Holistic Wellbeing: สุขภาวะที่ดีของประชาชน ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต (Start Well, Be Well, Stay Well, Age Well, Die Well) เป็นการบูรณาการศาสตร์และศิลป์ทุกสาขาวิชา

ยุทธศาสตร์ที่ 3 จะเน้น 3 ระดับ:

  • Area-based: เน้น 6 วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยมหิดล (กาญจนบุรี, อำนาจเจริญ, นครสวรรค์, ศาลายา, พญาไท, บางกอกน้อย) และพื้นที่จังหวัดภาคใต้
  • Issue-based: ใช้ SDG 17 Goals ที่ปรับให้เข้าใจง่ายขึ้น ได้แก่ Health (แม่ เด็ก ผู้สูงอายุ), Clean (น้ำ อากาศ พลังงาน), Food (Healthy, Safety, Sustainable Consumption), Waste (Reduce, Reuse, Recycle) และ DEI (Diversity, Equity, Inclusion)
  • Policy-based: เน้น Holistic Wellbeing

มหาวิทยาลัยได้ประกาศทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น Policy Lab (2 ทุน ทุนละ 1.5 ล้านบาท/3 ปี), Social Engagement Funding (6 ทุน ทุนละ 500,000 บาท) และ Living Lab (15 ทุน/15 ส่วนงาน)

วิสัยทัศน์: ต้องการเห็นมหิดลเป็น "เมืองแห่งอนาคต" ที่บุคลากร นักศึกษา ชุมชน อุตสาหกรรม และภาครัฐ อยู่ร่วมกันภายใต้กรอบ SDG

6. โครงการ Mahidol Change Agent: การสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อ:

  1. สนับสนุนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ 3 (งานวิจัยวิชาการสู่โยบายสาธารณะ)
  2. สนับสนุนแนวคิด SDGs
  3. สร้างผู้ที่นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)

นิยาม Mahidol Change Agent: ผู้ที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร (มหาวิทยาลัย คณะ ส่วนงาน) ชุมชน หรือสังคม เป็นผู้นำแนวคิดสู่การเปลี่ยนแปลงจนเกิดผลลัพธ์ที่ทำให้สังคมดีขึ้นในมิติต่างๆ

คุณสมบัติผู้สมัคร:

  • บุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดลทุกคน (อาจารย์, นักวิจัย, บุคลากรสายสนับสนุน)
    • หมายเหตุสำหรับสายสนับสนุน: ต้องมีภารกิจหรือความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับงานบริการวิชาการหรือ SDGs
  • มีความมุ่งมั่น "อยากจะเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น"
  • ได้รับอนุญาต (Endorsement) จากหัวหน้าส่วนงาน

ไทม์ไลน์โครงการ (คร่าวๆ):

  • เมษายน: เปิดรับสมัคร
  • พฤษภาคม: คัดเลือก 50 ท่าน
  • มิถุนายน (28-30 มิ.ย.): Workshop 3 วัน (สำคัญมาก ห้ามพลาด)
  • สิงหาคม (14 ส.ค.): Pitching Day (นำเสนอโครงการ Project for Change)
  • กันยายน: ประกาศผล
  • ตุลาคม 2568 - กันยายน 2569: ดำเนินโครงการ (1 ปีงบประมาณ)

ทุนสนับสนุน:

  • โครงการที่ผ่านการคัดเลือก (ประมาณ 10 โครงการ) จะได้รับทุน 100,000 บาท/โครงการ เพื่อใช้ในการดำเนินงาน

ขั้นตอนการสมัคร:

  • สแกน QR Code เพื่อเข้าสู่แบบฟอร์ม
  • ข้อมูลที่ขอ: ประวัติทั่วไป, สิ่งที่เคยทำเกี่ยวกับงานรับใช้สังคม (ต้อง "ขายของ" เพื่อแสดงประสบการณ์)
  • ไฮไลท์: เขียน Essay ไม่เกิน 1 หน้า หัวข้อ "ถ้าท่านได้เงินทุน 100,000 บาท ท่านจะทำอะไรเพื่อให้สังคมไทยดีขึ้น" (เป็นเกณฑ์หลักในการคัดเลือก)

กิจกรรม Workshop 3 วัน:

  • วันที่ 1:พิธีเปิดโดยนายกสภา (อ.ปิยสกล)
  • บรรยายพิเศษ "มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสังคมสุขภาวะ" โดยอธิการบดี (อ.ปริยมิตร ศรีธรา)
  • บรรยาย "Public Policy เพื่อสังคมที่ดีกว่า" โดย ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิช (กรรมการสภามหาวิทยาลัย)
  • บรรยาย "Impact Measurement and Management" โดย ผศ. ดร. ไพรัตน์ พิบูลรุ่งโรจน์ (ผู้ช่วยอธิการบดี ม.เชียงใหม่)
  • กิจกรรมดนตรีบำบัดกับคนไทยบ้าน
  • วันที่ 2:Social Science Research for SDGs
  • Participatory Action Research
  • นโยบายด้านประชากรและสังคมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • Social Enterprise (รอวิทยากรยืนยัน)
  • Dinner Talk "Energy for Change": พบ Change Agents ทั้ง 4 ท่านที่ยกตัวอย่างมา (อ.พระธีรา, ดร. นพล, อ.อดิศักดิ์, อ.สุรศักดิ์) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
  • วันที่ 3:Mini Hackathon "Project for Change": ทำงานกลุ่ม, ฟอร์มทีม, สร้างไอเดียโครงการ

ผลลัพธ์ที่ต้องการจากโครงการ:

  • มี Change Agent เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50 คน
  • เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรม (training) ให้บุคลากรมีทักษะในการนำงานลงสู่ชุมชน
  • ชุมชนได้รับประโยชน์จาก Impact ของงาน
  • Win-Win: มหาวิทยาลัยได้ ชุมชนได้ อาจารย์ได้

คำถาม-ตอบ (Q&A):

  • บุคลากรสายสนับสนุน: สามารถสมัครได้ หาก PA มีภารกิจเกี่ยวข้องกับบริการวิชาการหรือ SDGs
  • การสมัคร: สมัครเป็นบุคคล แต่หัวหน้าส่วนงานต้องเซ็นกำกับ
  • การเขียน Essay: ไม่เกิน 1 หน้า (ครึ่งหน้า 10 บรรทัดก็ได้)
  • การรวมกลุ่ม: วันที่ 3 ของ Workshop จะมีการจัดกลุ่มให้ผู้เข้าอบรมได้ฟอร์มทีม
  • ทุน 100,000 บาท: เป็นงบประมาณสำหรับใช้ในโครงการ ไม่ใช่งบประมาณส่วนตัว
  • อายุ: ไม่จำกัดอายุ
  • โค้ช/เมนเทอร์: มีตลอดโครงการ ทั้ง 3 วัน Workshop และช่วงดำเนินงาน
  • ผลลัพธ์ของงานที่ต้องการ: การสร้าง Change Agent และ impact สู่สังคม

คำกล่าวปิดท้าย: "แค่ได้สมัครผมว่าก็สนุกแล้วครับ อาจารย์ อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะได้หรือไม่ได่นะครับ แค่สมัครนี้เราก็ เราก็ได้ข้อมูลนะครับ ที่มหาวิทยาลัยจะไปพัฒนาต่อเนื่องในเรื่องของ Change Agent เพื่อสังคมที่ดีขึ้น ของทุกคน"



Comments

Most viewed blogs

Useful links (updated: 2025-09-06)

Genome editing technology short note

Umbrella vs Basket Trial