เรียนคอร์สประชากรศาสตร์ของ CU ไปพร้อมกับ Gemini สนุกมว๊าก (7)
มาพูดถึงเรื่อง policy ต่าง ๆ ที่บ้านเรามี
Q: ทำไมต้องทำออกมาเป็น กม และลักษณะแบบไหนที่ต้องออกมาเป็น Policy -- ภาพนโยบายประชากร
ภาพนี้ให้คำจำกัดความของ "นโยบายประชากร (Population Policies)" ว่าคือ "กฎหมายหรือมาตรการที่ใช้ในการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงทางประชากร"
ทำไมต้องทำนโยบายประชากรออกมาเป็นกฎหมาย (กม.)?
การที่นโยบายประชากรจำเป็นต้องออกมาเป็นกฎหมาย (หรืออย่างน้อยที่สุดคือมีระเบียบ/ข้อบังคับที่ชัดเจน) มีเหตุผลสำคัญหลายประการ:
การบังคับใช้และสภาพบังคับ (Enforcement and Coercion):
- กฎหมายเป็นเครื่องมือที่มีสภาพบังคับ ทำให้การปฏิบัติตามนโยบายเป็นภาคบังคับ ไม่ใช่แค่การขอความร่วมมือ หากไม่มีกฎหมายรองรับ นโยบายอาจไม่มีผลในทางปฏิบัติ
- ตัวอย่าง: นโยบายลูกคนเดียวของจีน หรือนโยบายที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ หรือบำนาญ ที่ต้องมีกฎหมายรองรับ
ความชอบธรรมและอำนาจรัฐ (Legitimacy and State Authority):
- การออกเป็นกฎหมายทำให้การดำเนินนโยบายมี "ความชอบธรรม" และเป็น "อำนาจ" ของรัฐในการเข้ามากำหนดหรือชี้นำพฤติกรรมของประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประชากร
- ตัวอย่าง: การกำหนดอายุที่สามารถแต่งงานได้ หรือการกำหนดสิทธิในการทำหมัน
ความครอบคลุมและเป็นธรรม (Coverage and Fairness):
- กฎหมายช่วยให้แน่ใจว่านโยบายจะถูกนำไปใช้อย่างเท่าเทียมกันกับทุกคนในกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใดหรือมีฐานะใดก็ตาม ลดการเลือกปฏิบัติ
- ตัวอย่าง: กฎหมายประกันสังคม หรือกฎหมายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงบริการ
ความต่อเนื่องและเสถียรภาพ (Continuity and Stability):
- กฎหมายมีความถาวรและต่อเนื่องมากกว่านโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามรัฐบาล การมีกฎหมายรองรับทำให้นโยบายประชากรที่สำคัญสามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนไป
- ตัวอย่าง: พ.ร.บ. บำนาญ กบข. หรือ พ.ร.บ. กองทุนประกันสังคม
การจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณ (Resource Allocation and Budgeting):
- การออกเป็นกฎหมายมักจะมาพร้อมกับการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนและมีผลผูกพัน ทำให้มั่นใจได้ว่ามีทรัพยากรเพียงพอที่จะนำนโยบายไปปฏิบัติจริง
- ตัวอย่าง: งบประมาณสำหรับโครงการวัคซีนแห่งชาติ หรือโครงการพัฒนาการศึกษาเด็กเล็ก
การปกป้องสิทธิและกำหนดหน้าที่ (Protecting Rights and Defining Duties):
- กฎหมายยังสามารถใช้เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนในด้านประชากร (เช่น สิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพ, สิทธิในการวางแผนครอบครัว) และกำหนดหน้าที่ที่ประชาชนต้องปฏิบัติตาม (เช่น การแจ้งเกิด-ตาย)
ลักษณะแบบไหนที่ต้องออกมาเป็น Policy (นโยบาย)?
"นโยบาย (Policy)" เป็นคำที่กว้างกว่า "กฎหมาย" นโยบายคือแนวทาง หลักการ หรือแผนการโดยรวมที่รัฐบาลหรือองค์กรกำหนดขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง กฎหมายเป็นเพียง "เครื่องมือ" หนึ่งในการนำนโยบายไปปฏิบัติ
นโยบายที่ต้องออกมาเป็น Policy (แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นกฎหมายทุกข้อ) มีลักษณะดังนี้:
เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรโดยตรง:
- นโยบายที่มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงขนาด, โครงสร้าง, การกระจายตัว หรือคุณภาพของประชากร
- ตัวอย่าง: นโยบายเพิ่มอัตราเกิด (Pronatalist policies), นโยบายลดอัตราเกิด (Antinatalist policies), นโยบายส่งเสริมการย้ายถิ่น, นโยบายพัฒนาทุนมนุษย์
มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน:
- มีเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ (เช่น ลดอัตราการตายของทารก, เพิ่มจำนวนประชากรวัยแรงงาน, ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ)
ต้องการแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับหน่วยงานรัฐ:
- กำหนดแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ (กระทรวง, กรม) นำไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพ
มีผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง:
- การเปลี่ยนแปลงประชากรส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก นโยบายจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบในวงกว้าง
ต้องการการบูรณาการจากหลายภาคส่วน:
- ปัญหาประชากรมักซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายกระทรวง/หน่วยงาน (เช่น สาธารณสุข, ศึกษา, แรงงาน, การคลัง) นโยบายจะทำหน้าที่เป็นกรอบการทำงานร่วมกัน
เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาประเทศ:
- นโยบายประชากรมักจะถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาว
สรุป:
นโยบายประชากรต้องออกมาในรูปแบบของ Policy (นโยบาย) เพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงทางประชากร และเมื่อนโยบายนั้นต้องการ สภาพบังคับ, ความชอบธรรมทางกฎหมาย, ความครอบคลุม, ความต่อเนื่อง หรือการจัดสรรงบประมาณที่มีผลผูกพัน ก็จำเป็นต้องยกระดับให้นโยบายเหล่านั้นมี กฎหมาย (Law) เป็นเครื่องมือรองรับและขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติครับ
Q: population policies แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เชิงปริมาณ กับ เชิงคุณภาพ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย - ถามเพิ่มถึง 2 ลักษณะ
Comments
Post a Comment