Note for: ยุทธศาสตร์การรักษามะเร็งแห่งชาติ
รวบรวม และสรุปในแบบฉบับของตัวเอง จากการอ่านหนังสือแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ.
2556-2560) และข้อมูลจากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
และศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลรามาธิบดี
จากสถิติโลก ชนิดของมะเร็งที่พบเจอมากที่สุด ตามตารางข้างล่าง
การตรวจเจอ (มากไปน้อย)
|
การเสียชีวิต (มากไปน้อย)
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งเต้านม
|
มะเร็งกระเพาะอาหาร
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
มะเร็งตับ
|
มะเร็งกระเพาะอาหาร
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
มะเร็งต่อมลูกหมาก
|
มะเร็งเต้านม
|
รายงานจากหน่วยทะเบียนมะเร็งที่มีอยู่ในประเทศไทย
ชนิดมะเร็งที่ตรวจพบเจอภายในช่วง 2004-2006 ตามตารางข้างล่าง
ชาย (มากไปน้อย)
|
หญิง (มากไปน้อย)
|
มะเร็งตับ
|
มะเร็งเต้านม
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งตับ
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
มะเร็งปากมดลูก
|
มะเร็งต่อมลูกหมาก
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งเม็ดเลือดขาว
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
จากข้อมูลรายงานในปี 2554 แบ่งผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งดังต่อไปนี้
ตามตารางข้างล่าง และที่ทาสีไว้ในตารางแสดงถึงชนิดของมะเร็งที่มีการเสียชีวิตมากที่สุด
ชาย
|
หญิง
|
มะเร็งตับ
|
มะเร็งตับ
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งปอด
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
มะเร็งเต้านม
|
มะเร็งช่องปากและคอหอย
|
มะเร็งปากมดลูก
|
มะเร็งเม็ดเลือดขาว
|
มะเร็งลำไส้ใหญ่
|
ตารางข้างล่างจะเป็นตารางที่แสดงถึง จำนวนผู้ป่วยมะเร็งใหม่ซึ่งนำมาจากรายงานของทะเบียนมะเร็ง
ปี 2015 (2558)
ข้อมูลจากศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลรามาธิบดี (2016) ตามตาราง 3 ตาราง ที่แสดงข้างล่าง
แบ่งเป็นยุทธศาสตร์หลาย ๆ ด้าน
1. ด้านการใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาจัดการกับข้อมูลคนป่วย
(cancer informatics) ซึ่งจะทำให้เรียนรู้ถึงเรื่องการระบาดของโรคมะเร็ง
ข้อมูลทางด้านสถิติ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
2. ด้านการป้องกันปัจจัยที่น่าจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง
(primary prevention) ยกตัวอย่างเช่น (ตารางข้างล่างเป็นตารางที่หนังสือได้ทำการสรุปถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง)
a. การรับประทานของปลาดิบ มีความเสี่ยงจากการติดพยาธิ
และทำให้เกิด มะเร็งท่อน้ำดี อันเนื่องมาจากการติดเชื้อ
b. การสูบบุหรี่ มีความเสี่ยง
ที่จะทำให้เกิดมะเร็งปอด หรือมะเร็งในช่องปาก
3. การตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มแรก (secondary prevention – early detection; cancer screening or early diagnosis) จะช่วยให้ลดอัตราการเสียชีวิตได้มากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มอัตราการรักษาให้หายขาดได้ ถ้ามีความสามารถในการตรวจพบเจอเบื้องต้น การตรวจเบื้องต้น สามารถแบ่งได้เป้นสองระดับ คือ
a. organized screening – เข้าใจว่าทำเป็นนโยบายระดับชาติ
เพื่อค้นหาในประชากรกลุ่มเป้าหมาย และในความเห็นส่วนตัวเข้าใจว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่มี
prevalence ค่อนข้างสูง และอัตราการรักษาให้หายขาดค่อนข้างต่ำ
และมีความคุ้มค่าที่จะทำการลงทุนในเรื่องของการตรวจพบเบื้องต้น matrix ข้างล่าง
แสดงถึงการแบ่งกลุ่มตาม mortality rate (อัตรการเสียชีวิต) และ prevalence (ความชุกของโรค)
1 --
High
prevalence
High
mortality rate
Worth to
invest on early detection – like breast cancer
|
2 –
Low
prevalence
High
mortality rate
Worth to
invest?? – regional cancer
|
3 –
High
prevalence
Low
mortality rate
Worth to
invest??
|
4 –
Low prevalence
Low
mortality rate
Leave it
there?
|
จากหนังสือได้กล่าวไว้ว่า
การตรวจหาแบบนี้สามารถทำได้กับ cervical cancer (เช่น การตรวจ pap-smear in
certain women age) breast cancer (การทำพวก mammogram ซึ่งก็สามารถ screen และป้องกันได้)
b. opportunistic screening –
เข้าใจว่าเป็นการตรวจหา upon the request คือ ตามคำร้องขอทั้งจากคนที่มารับบริการทางการแพทย์
หรือแม้กระทั่งผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์เอง
4. การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Tertiary Prevention –
Treatment)
ประสิทธิภาพของการรักษานั้น
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
- การตรวจพบเจอในระยะเบื้องต้น จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต และจะเพิ่มอัตราการรักษาให้หายขาดได้
- การวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และแม่นยำจะทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมาขึ้น ซึ่งก็ต้องอาศัยเครื่องมือที่ดี เพื่อเข้าถึงพยาธิสภาพ และนำชิ้นเนื้อไปตรวจ
- การวินิจฉัยระยะของโรค (stage) ก็ถือว่ามีความสำคัญต่อการรักษา เพราะแต่ละขั้นของการเกิดมะเร็งจะมีการรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อการพยากรณ์โรค
- ในรายงานยังบ่งบอกถึงข้อด้อยบางอย่างที่ทำให้โรงพยาบาลในบางที่นั้น ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยดังกล่าว ได้แก่
- การรักษายังคงมีราคาที่สูง เนื่องจาก
- ยาเคมีบำบัด
- ยารักษาอาการค้างเขียงที่เกิดจากยาเคมีบำบัด
- เครื่องมือที่ใช้ในทางศัลยกรรมและรังสีรักษา
5. การรักษาแบบประคับประคอง (palliative care) เป็นการดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่โดยส่วนใหญ่แล้วอยู่ในระยะลุกลาม และยากต่อการรักษาให้หายขาด โดยการรักษาดังกล่าวจะเน้นเรื่องทางด้านจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยเหล่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
6. การทำงานวิจัยเพื่อควบคุม และป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (cancer control research) เป็นการทำการศึกษาวิจัย เพื่อลดอัตราการตาย และการสูญเสียที่เกิดจากโรคมะเร็ง นอกเหนือไปจากนั้นเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยรวมไปถึงครอบครัวด้วย มีการแนะนำจากองค์การอนามัยโรคด้วยว่า
a. สำหรับกำลังพัฒนา งานวิจัยที่ควรพุ่งเป้า คือ
การประเมินความสำเร็จ (เข้าใจว่าน่าจะเป็น clinical trial ประมาณ phase 2 ขึ้นไป) และความคุ้มค่าของแผนการป้องกัน
และควบคุมโรคมะเร็งที่พบบ่อยของประเทศ (น่าจะมาจากการให้ความรู้
และการรณรงค์ออกสื่อถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
หรือทำการประชาสัมพันธ์ถึงการคัดกรองเบื้องต้น เมื่อมีอายุมากขึ้น – เป็นอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง)
– มะเร็งที่เขากล่าวถึง และพบบ่อยมากที่สุดในประเทศไทย คือ มะเร็งตับ มะเร็งปอด
มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่
b. สำหรับประเทศไทย มีการลิสต์ถึงปัญหาต่าง ๆ
ของการวิจัย
- ขาดการมีส่วนร่วมในการดำเนนินงานแบบบูรณาการ (เป็นการทำงานแบบแยกส่วน ไม่มีการเชื่อมโยงถึงกัน)
- ขาดแหล่งทุนในการสนับสนุนการวิจัย
- ขาดแคลนเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการทำงานวิจัย (น่าจะเป็นในบางที่ และนอกเหนือไปจากนี้แล้วนั้น บางที่ก็เข้าถึงยากด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง)
- การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่คุ้มค่า เช่น การซื้อเครื่องมือราคาแพงมาโดยที่ไม่มีโปรเจครองรับ
- ขาดฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับนักวิจัยที่ทำงานทางด้านมะเร็ง และรวมไปถึงงานวิจัยทางด้านมะเร็งที่ทำภายในประเทศ
Comments
Post a Comment